วันนี้ไปเจอบทความที่เกี่ยวกับพลังงาน ซึ่งอ่านแล้วก็น่าตกใจ ว่าวันๆ เรามีหนี้สาธารณะมากขึ้นขนาดไหน ซึ่งก็มีกลุ่ม องค์กรที่พยายามจะ โจมตี โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ผมขอแชร์บทความดังกล่าวนะครับ จะได้เป็นอุทธาหรณ์เตือนใจว่า จริงๆ เราอยู่ในสถานะไหนกันแน่ ครับ เพื่อนๆ เห็นต่างสามารถแสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ
ความจริงของพลังงาน และกองทุน ที่มาของหนี้และทิศทาง 17 กย 55
Written By Unknown on วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555 | 01:49
พลังงานเกียร์ว่างรอโชว์ผลงาน1ปี ดวงพักตรา ไชยพงษ์
Written By Unknown on วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555 | 21:44
ระยะนี้เข้าสู่ช่วงแถลงผลงานรัฐบาล 1 ปี จะเห็นได้ว่ากระทรวงต่างๆ บริหารงานกันอย่างระมัดระวังชื่อเสียงกันมากที่สุด จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงปล่อยเกียร์ว่างไปซะแล้ว โดยเฉพาะกระทรวงพลังงานที่เน้นแนวทางตรึงราคาไว้แทบทุกอย่าง และอดทนจนกว่าจะผ่านพ้นช่วงโชว์ผลงานไปแล้วนั่นแหละ จึงจะกลับมาจัดการแก้ปัญหาราคาพลังงานให้แล้วเสร็จ
ที่เห็นกันชัดๆ คือการตรึงราคาดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร แม้ราคาน้ำมันตลาดโลกจะปรับขึ้น แต่กระทรวงพลังงานก็ยังไม่ให้ผู้ค้าน้ำมันขึ้นราคา แถมไม่เอาเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยพยุงค่าการตลาดให้ผู้ค้าน้ำมันอีกต่างหาก ทั้งนี้ นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันจะใช้มาตรการขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันช่วยรับภาระไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งกองทุนน้ำมันฯ แบกภาระอยู่
งานนี้ผู้ค้าน้ำมันถึงกับกลืนไม่เข้าคายก็ไม่ออก โดยค่ายน้ำมันบางจากฯ ออกมาระบุแล้วว่าขาดทุนไปแล้ว 100 ล้านบาท ขณะที่ค่าย ปตท.ขาดทุนไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท ส่วนค่ายเล็กค่ายน้อยรับภาระขาดทุนไม่ไหวก็ขอปรับขึ้นราคาเอาตัวรอดไปก่อน
ทั้งนี้ สาเหตุลึกๆ ส่วนหนึ่งมาจากไม่ต้องการให้กระทบความรู้สึกของประชาชน เพราะการปรับขึ้นราคาดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตร จะทำให้รู้สึกว่าค่าขนส่ง ค่าโดยสารแพงขึ้น และกระทบไปสู่ราคาค่าอาหารและเงินเฟ้อของประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้คะแนนเสียงของรัฐบาลเกิดสั่นสะเทือนขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ช่วงการประกาศผลงานรัฐบาลทุกอย่างจะต้องดูสวยหรู ซึ่งราคาดีเซลจึงปรับขึ้นช่วงนี้ไม่ได้ แม้กองทุนน้ำมันฯ ซึ่งเป็นเครื่องมือการพยุงราคาดีเซลจะติดลบไปแล้วกว่า 15,000 ล้านบาท ก็จำต้องหันมาบีบผู้ค้าน้ำมันให้ลงมาคลุกฝุ่นช่วยกันด้วย
ตรึงที่ 2 คือ การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ที่ปัจจุบันตรึงราคากันอยู่ที่ 10.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่เดือน พ.ค.2555 จนถึงปัจจุบันก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ แม้จะมอบหมายให้ทางสถาบันจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการศึกษาโครงสร้างราคาเสร็จแล้ว แถมพูดคุยกับกลุ่มแท็กซี่ รถบรรทุก และรถโดยสารสาธารณะมาโดยตลอด ซึ่งทำท่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้า แต่แล้วก็ต้องยืดระยะเวลาการสรุปราคาเอ็นจีวีออกไปเป็นต้นปี 2556 แทน
เนื่องด้วยองค์ประกอบการสรุปโครงสร้างราคาเอ็นจีวีไม่ครบ 3 ส่วน นั่นคือ 1.ราคาเนื้อก๊าซธรรมชาติ ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำเสร็จไปแล้ว และ 2.ราคาก๊าซธรรมชาติบริเวณแนวท่อส่งก๊าซฯ ซึ่งก็เสร็จแล้วเช่นกัน จะเหลือก็แต่องค์ประกอบที่ 3 คือ ราคาค่าใช้บริการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าค่าผ่านท่อ ซึ่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์เป็นผู้รับผิดชอบจัดทำอยู่ ซึ่งล่าสุดเรกูเลเตอร์ได้ส่งหนังสือแจ้งกระทรวงพลังงานว่าจะจัดทำเสร็จสิ้นปี 2555 นั่นหมายความว่าการพิจารณาโครงสร้างราคาเอ็นจีวีจะต้องเลื่อนออกไปเป็นต้นปี 2556 แทน
ทั้งนี้ มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการถ่วงเวลามากกว่า เพราะหากครบองค์ประกอบ 3 ประการเมื่อไหร่ ก็หมดสิทธิ์อ้างการตรึงราคาเอาไว้ได้ สาเหตุที่ยังปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีช่วงนี้ไม่ได้ แน่นอนนั่นเป็นเพราะการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีเสี่ยงต่อการชุมนุมประท้วงของผู้ประกอบการที่ใช้เอ็นจีวี ซึ่งกระทรวงพลังงานย่อมกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนสมัยที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็น รมต.พลังงาน ซึ่งถูกประท้วงปิดถนนต่อต้านนโยบายการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และเอ็นจีวีกันอย่างอลม่าน จนท้ายที่สุดต้องถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่รัฐบาลจะยอมให้เกิดขึ้นช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานตอนนี้ไม่ได้เช่นกัน
และตรึงล่าสุดคงหนีไม่พ้นการตรึงค่าเอฟที หรือค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ ประจำงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2555 ไว้ที่ 48 สตางค์ต่อหน่วย จากอัตราจริงที่ต้องขึ้นถึงระดับ 68.24 สตางค์ต่อหน่วย การตรึงค่าเอฟทีรอบนี้ส่งผลให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต้องแบกรับภาระค่าเอฟทีแทนประชาชนอีก 10,504 ล้านบาท และ กฟผ.จำเป็นต้องแบกโดยไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจที่ต้องทำตามนโยบายรัฐบาล
ทั้งนี้ ก็คาดหวังไม่ได้ว่าหนี้ค่าเอฟทีจะหมดจริงหรือเปล่า เนื่องจากแนวโน้มในงวดต่อปีคือต้นปี 2556 เรกูเลเตอร์ก็แย้มๆ ว่า อัตราค่าเอฟทีมีสิทธิ์ปรับขึ้นได้อีก เพราะราคาค่าเชื้อเพลิงยังสูงอยู่ ดังนั้นหนี้เก่าก็ใช้ไป ส่วนหนี้ใหม่ก็กลับมาอีก
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีทั้งกระทรวงพลังงานว่า แนวโน้มราคาพลังงานในอนาคตมีแต่จะเพิ่มขึ้น เพราะทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันเริ่มหมดลง ที่เหลืออยู่ก็ต้องใช้ต้นทุนทางเทคโนโลยีสูงในการผลิต ดังนั้นไม่ว่าภาครัฐจะซื้อเวลาตรึงราคาพลังงานทุกอย่างไปได้นานสักเท่าไหร่ ท้ายที่สุดก็ต้องส่งผ่านมายังประชาชนอยู่ดี
และคงต้องติดตามว่าหากผ่านพ้นช่วงการประกาศผลงานรัฐบาลไปแล้ว พลังงานชนิดใดที่จะถูกปรับขึ้นก่อนเพื่อลดภาระดินพอกหางหมูของกระทรวงพลังงานในขณะนี้ เพราะระยะเวลาแห่งการแถลงผลงานรัฐบาลย่อมจบลงในไม่ช้า เช่นเดียวกับราคาพลังงานที่ถึงทางตันต้องเลิกอุดหนุนก่อนเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กระทรวงพลังงานปักธงรอไว้แล้ว.
...................................
ผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปี กระทรวงพลังงาน ตามนโยบายรัฐบาล
Written By Unknown on วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555 | 01:38
สำหรับผลการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วน 1 ปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยกระทรวงพลังงานสามารถดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสม เป็นธรรม ลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้ ซึ่งปัญหาที่มีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมัน โดยชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชั่วคราว ได้มีการปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันของน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซล ซึ่งมีผลทำให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ลดลงลิตรละ 8 บาท เบนซิน 91 ลดลงลิตรละ 7 บาท และดีเซลลดลงลิตรละ 3 บาท
นอกจากนั้น มีการออกบัตรเครดิตพลังงาน NGV สำหรับรถรับจ้างสาธารณะ รถแท็กซี่ รถตู้ และรถสองแถว โดยเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2554 มีผู้เข้าร่วมโครงการได้รับส่วนลดมากกว่า 85,000 ใบ และมีผู้ได้รับบัตรเครดิตมากกว่า 22,800 คน พร้อมทั้งได้เปิดโครงการบัตรเครดิตพลังงานยกกำลัง 2 เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ถือบัตรเครดิตพลังงาน NGV กลุ่มรถแท็กซี่ รถสามล้อ รถตู้ร่วม ขสมก.และวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย
สำหรับนโยบายในด้านต่าง ๆ ของกระทรวงพลังงาน ได้เน้นการดำเนินงาน ที่สำคัญ ๆ 5 ด้าน ดังนี้
1. ด้านความมั่นคงด้านพลังงาน ได้แก่ การสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) การสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทางยุทธศาสตร์ (SPR) ของประเทศเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางด้านพลังงาน โดยได้กำหนดเป้าหมายการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเบื้องต้นไว้ที่ 90 วันจากเดิม 36 วันของความต้องการใช้ภายในประเทศ จัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) โดยเฉพาะในส่วนนโยบายด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นพื้นฐานรองรับการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยนับเป็นครั้งแรกที่มีการบูรณาการแผนพลังงานต่างๆ เข้าด้วยกัน
2. ด้านพลังงานทดแทน ได้แก่ เป้าหมายและแผนงานรองรับการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศ นโยบายส่งเสริมการใช้เอทานอลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะมาตรการยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซินออกเทน 91 เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์
3. ด้านการอนุรักษ์พลังงาน ได้แก่ แผนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดการใช้พลังงาน บังคับให้หน่วยราชการทุกแห่งประหยัดพลังงานลงอย่างน้อยร้อยละ 10 ซึ่งจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 316.9 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินมูลค่า 950 ล้านบาท เป็นต้น
4. การช่วยเหลือด้านอื่นๆ ได้แก่ การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยโดยผ่านคูปองเพื่อเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าประหยัดพลังงานเบอร์ 5 และการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพรถรับจ้างสาธารณะผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรเครดิตพลังงาน
5. การจัดหาปิโตรเลียมและการจัดเก็บผลตอบแทนแก่รัฐ ได้แก่ การจัดหาปิโตรเลียม กำกับดูแลให้ผู้รับสัมปทานสามารถจัดหาปิโตรเลียมทั้งในพื้นที่ตามสัมปทาน และพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย รายได้ของรัฐจากการประกอบกิจการปิโตรเลียมรวมทั้งสิ้น 75,503 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้จัดเก็บเข้าแผ่นดินอันดับ 4 ของประเทศโดยที่ได้มีการจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งสิ้น 4,308 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ในปี 2556 กระทรวงพลังงานจะมุ่งเน้นในการจัดหาแหล่งพลังงาน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ และดำเนินงานด้านพลังงานควบคู่ไปกับการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนด้านพลังงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อเป็นการก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจด้านพลังงานของภูมิภาคต่อไป
นำเข้าน้ำมันจ่อทะลุล้าน
Written By Unknown on วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555 | 22:21
รมว.พลังงานโวประเมินผลงานรบ. 1 ปี สอบผ่าน เล็งอุดกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม
รัฐตรึงราคา ดันยอดใช้เบนซินพุ่งกระฉูด ไทยนำเข้าน้ำมัน 8.52 หมื่นล้านบาท
Written By Unknown on วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555 | 01:34
ยอดใช้'แอลพีจี เดือนกรกฏาคม พุ่ง ครึ่งปี รัฐใช้เงินอุดหนุน2หมื่นล.
Written By Unknown on วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555 | 23:56
กระทรวงพลังงานเร่งชี้แจงการปรับราคาLPG
ไทยแบกภาระอุดหนุน LPG 1 แสนล้านบาท แล้ว
พลังงานให้สัปมทาน 2 แหล่งปิโตรเลียมโคราช-อ่าวไทย คาดสร้างรายได้ 1.32 หมื่นลบ.
Written By Unknown on วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555 | 03:27
“รสนา” เสนอ “กระทรวงพลังงานหมุนเวียน” (กรณีผลประโยชน์ทับซ้อนธุรกิจปิโตรเลียม)
Written By Unknown on วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555 | 23:46
โพล ชี้ ขึ้น LPG ขนส่ง กระทบต้นทุน 1.84%
บัตรเครดิตพลังงานกำลังสอง
Written By Unknown on วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555 | 00:15
หอการค้าสนับสนุน ปรับ LPG และดีเซล ปลายปี
Written By Unknown on วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555 | 21:51
ปรับราคา LPG ภาคครัวเรือน น่าจะเป็นสิ้นปี 55
นักวิชาการจี้รัฐเลิกตรึงราคาพลังงาน
Written By Unknown on วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 | 01:50
ปั้ม LPG ผุดเป็นดอกเห็ด พฤษภาคม 1063 แห่ง
กบง.ปรับลดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ส่งผลราคาขายปลีกดีเซล-แก๊สโซฮอล์คงเดิม
Written By Unknown on วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 | 21:49
เสื่อมสมรรถภาพ
ธพ.ยันขยายท่อส่งนํ้ามันไปเหนือ-อีสานช่วยประหยัดค่าขนส่ง
นักสืบ
นายคำนูณ กล่าวว่า เป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่ นายทรงภพ พลจันทร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ที่ชะลอการเปิดสัมปทานปิโตรเลี่ยมรอบที่ 21 ไว้ก่อน แต่จากนี้ไปรัฐจะต้องเปิดพื้นที่สื่อให้แก่ภาคประชาชนที่เห็นต่างกับรัฐได้ สื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย จนเสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้กลไกออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 มาตัดสินในท้ายที่สุดเลยดีกว่า ว่า จะใช้ระบบแบ่งผลประโยชน์ระหว่างรัฐกับผู้รับสัมปทานตาม พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 หรือที่เรียกว่าระบบ “THAILAND 3” ที่ใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 2532 หรือจะยกเครื่องปฏิรูปใหม่